บัดเดี๋ยว ดังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา
เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ประคองพาขึ้นไปจนบรรพต
แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน
มนุษย์นี่ที่รักอยู่สองสถาน บิดามารดารักมักเป็นผล
ที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้แต่กายตน เกิดเป็นคนคิดเห็นจึงเจรจา
แม้นใครรักรักมั่งชังชังตอบ ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา
รู้สิ่งไรไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
- จากเรื่อง พระอภัยมณี -
คำกลอนอันคุ้นฮิตติดหูนี้ คงจำกันได้ดี เรียนกันมาตั้งแต่เด็ก ใครๆ ก็ต้องรู้จัก “สุนทรภู่”
พระสุนทรโวหาร ชื่อเดิมว่า “ภู่” หรือ “สุนทรภู่” (26 มิ.ย.2329 - 2398) เกิดหลังตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ได้ 4 ปี
เข้ารับราชการเป็นอาลักษณ์ราชสำนักในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (ร.2) เมื่อสิ้นรัชกาลได้ออกบวชนานถึง 20 ปี
ก่อนจะกลับเข้ารับราชการอีกครั้งในปลายสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.3)
เป็นอาลักษณ์ในสมเด็จเจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น พระสุนทรโวหาร เจ้ากรมอาลักษณ์ฝ่ายพระราชวังบวร
ซึ่งเป็นตำแหน่งราชการสุดท้ายก่อนสิ้นชีวิต
สุนทรภู่เป็นกวีที่มีความชำนาญทางด้านกลอน ได้สร้างต้นแบบการประพันธ์กลอนนิทานและกลอนนิราศขึ้นใหม่
จนกลายเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางมาจนถึงปัจจุบัน ได้รับยกย่องเป็น เชกสเปียร์แห่งประเทศไทย
ปี 2529 ครบรอบ 200 ปีชาตกาล สุนทรภู่ได้รับยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกด้านงานวรรณกรรม
► ผลงานที่มีชื่อเสียงของสุนทรภู่ เช่น นิราศภูเขาทอง , นิราศสุพรรณ เพลงยาวถวายโอวาท , กาพย์พระไชยสุริยา
แลพระอภัยมณี เป็นต้น
โดยเฉพาะเรื่อง พระอภัยมณี ได้รับยกย่องจากวรรณคดีสโมสรว่าเป็นยอดของวรรณคดีประเภทกลอนนิทาน
และเป็นผลงานที่แสดงถึงทักษะ ความรู้ และทัศนะของสุนทรภู่อย่างมากที่สุด